วันจันทร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประวัติตุ๊กตา blythe

Who’s that Girl ?
---------------------------------------------------------------------------------


Blythe อ่านออกเสียงว่า ‘ Blahyth ‘ หรือ ‘ Blind ‘ (บลายธ์) เธอคือตุ๊กตาวินเทจเจ้าเสน่ห์ที่ถูกออกแบบขึ้นในปี 1972 โดยโรงงานผลิตของเล่นในสหรัฐ ฯ นามว่า Kenner ภายใต้ concept ที่อยากสร้างเอกลักษณ์ ความแตกต่างให้เกิดขึ้นกับตุ๊กตา ดังนั้นโมเดลตุ๊กตาทั้ง 4 แบบ ชื่อ Blythe , Karess , Willow และ Skye จึงถูกคิดค้นขึ้นมา หลังจากนั้น Kenner ได้ว่าจ้างดีไซเนอร์นักออกแบบของเล่นอย่าง Allison Katzman จาก Marvin Glass & Associates หนึ่งในสตูดิโอออกแบบของเล่นที่สำคัญ และมีชื่อเสียงที่สุดในโลกให้ดีไซน์ปลุกปั้นตุ๊กตา Blythe ฉบับออริจินัลขึ้น แล้วนับแต่นั้นมา เด็กๆทั้งหลายก็ได้รู้จักกับของเล่นชิ้นใหม่ชิ้นนี้

Blythe by Kenner
---------------------------------------------------------------------------------



ปี 1972 Blythe ซึ่งออกแบบโดย Alison Katzman ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับทรงผมยอดฮิตในยุค 70s ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี 4 แบบ พร้อมด้วยแฟชั่นเครื่องแต่งกายสไตล์วินเทจที่มีให้ Mix & Match กว่า 12 ชุด ส่วนรูปลักษณ์ภายนอกนั้น ถูกออกแบบขึ้นมาอย่างโดนเด่น ด้วยดวงตากลมโตที่สามารภเปลี่ยนสีได้ 4 สีทั้ง เขียว ชมพู ส้ม และน้ำเงิน เพียงแค่ดึงห่วงที่อยู่หลังศีรษะ แต่กลับทำให้มันกลายเป็นตุ๊กตาตัวแรกของโลกที่เด็กๆพากันหวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ Blythe ไม่เป็นที่นิยม จนมีเหตุให้ต้องปิดตัวลงหลังจากที่ออกวางขายในตลาดได้แค่เพียง 1 ปีเท่านั้น

Gina Garan
---------------------------------------------------------------------------------

30 ปี ต่อมา จากตุ๊กตาเด็กเล่นที่ครั้งหนึ่งคือสินค้าเหลือค้างสต๊อก มาบัดนี้มันกลายเป็นตุ๊กตาหายาก ที่ได้รับความนิยมในหมู่นักสะสมเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากที่เพื่อนสนิทของ Gina Garan (โปรดิวเซอร์สาวชาวอเมริกัน ) ได้มอบตุ๊กตา เป็นของขวัญให้ เธอก็ตกหลุมรักมันเข้าอย่างจัง เริ่มพามันเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆเกือบทุกมุมโลก ขณะเดียวกัน เธอก็เริ่มฝึกถ่ายภาพจากกล้อง SLR โดยมี Blythe เป็นนางแบบให้เธอได้บันทึกภาพความประทับใจเก็บไว้กว่า 100 รูป จนถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายสุดสวย ( Chronicle Books ) ชื่อ ‘ This is Blythe ‘ รวมถึงหนังสือ Firecracker Alternative Book ที่ขายได้กว่า 100,000 เล่มในปี 2001 พร้อมกับนิทรรศการแสดงภาพถ่าย ที่ทำให้ชื่อของ Gina’s Gallery โด่งดังไปทั่วโลก

The Japanese Blythe
---------------------------------------------------------------------------------


หลังจากที่ Hasbro (ผู้สืบทอดกิจการจาก Kenner )ได้มอบลิขสิทธิ์การผลิตตุ๊กตาให้กับบริษัท Takara ประเทศญี่ปุ่น Blythe ก็เริ่มเป็นที่รู้จักของคนญี่ปุ่น จากการเป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณา TV ให้กับห้างสรรพสินค้าชื่อดังอย่างParco และเพียงชั่วข้ามคืนมันก็กลายเป็นตุ๊กตายอดนิยม ส่งผลให้ราคาประมูล Blythe บนเว็บ eBAY ดีดตัวพุ่งสูงขึ้นจากเดิม $35 เป็น $350 ทันที รวมถึง Neo-Blythe บนเว็บประมูลของ Yahoo ก็ขายหมดเกลี้ยงสต๊อกถึง 4 ครั้งด้วยกัน แต่ตัวที่มีราคาแพงและหายากที่สุดก็คือ Blythe คอลเลกชั่นวินเทจ ซึ่งสนนราคาอยู่ที่ตัวละ 1,000 เหรียญสหรัฐ ฯ หรือ PARCO Holiday TVCF campaign airs !! CWC Limited Edition : PARCO Limited, June 2001 กระแส Blythe fever ไม่มีทีท่าว่าจะสงบลงง่ายๆ เพราะหลังจากที่ Gina กับ Junko Wong (โปรดิวเซอร์ชาวญี่ปุ่น ) ได้ร่วมมือกันจัดนิทรรศการต่างๆที่เกียวกับ Blythe ขึ้น ก็ได้รับความสนใจจากคนในแวดวงแฟชั่นเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะงาน Annual Blythe Charity Fashion Show ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ภายในงานได้มีการระดมพลสุดยอดดีไซเนอร์ฝีมือดีของห้องเสื้อแบรนด์เนมชื่อดังจากทุกมุมโลกอย่าง John Galliano , Prada , Gucci , Vivienne Westwood , Issey Miyake , Versace , Sonia Rykiel ฯลฯ มาร่วมกันออกแบบเสื้อผ้าตัวจิ๋วให้กับเหล่านางแบบ Blythe ได้สวมเดินเฉิดฉายอยู่บนแคตวอล์กกลางกรุงโตเกียว และในปี 2001 Takara ได้รับหน้าที่แปลงโฉม Blythe ให้ดูโดนเด่นขึ้นด้วยขนาดตัว 11 นิ้ว พร้อมกับชื่อใหม่ว่า “Neo Blythe” และนับแต่นั้นมา ก็มีคอลเลกชั่นต่างๆของ Neo Blythes เกิดขึ้นมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Blythe ตัวแรก Parco Limited Edition (1,000 ตัว) ที่ขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่ถึงชั่วโมง ตามมาด้วยคอลเลกชั่น Mondrian, Rosie Red, Holly Wood, All Gold in One, Kozy Kape inspired, Aztec Arrival inspired, Sunday Best และ Miss Anniversary Blythe ซึ่งเป็นคอลเลกชั่นพิเศษ ที่ทำขึ้นเพื่อเป็นการฉลองวันเกิด ครบรอบ 1 ปี ของ Neo Blythes

วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2553

blythe ชมพู่ อารยา



-------------------------------------------------------------------------
ชมพู่ อารยา เปิด The Doll House ธุรกิจทุ่มเทใจกาย เพื่อน้องบลายธ์
-------------------------------------------------------------------------

“…ชมเชื่อว่าคนที่รักบลายธ์ยังมีค่ะ คือถ้าเชื่ออย่างนี้ เท่ากับว่าเรามั่นใจว่าธุรกิจบลายธ์จะต้องไปได้”



เริ่มต้นมาจากความชอบหรือจะเรียกว่า คลั่งไคล้ นั่นคือ ความชอบในตัวตุ๊กตาบลายธ์ (Blythe) และอาจเรียกได้ว่า เธอเป็นนักแสดงที่เป็นผู้นำเทรนด์ในเรื่องของตุ๊กตาบลายธ์
 จากจุดนี้ เอง ทำให้เธอต่อยอดจากความชอบสู่ธุรกิจบลายธ์กับร้าน เดอะ ดอลล์ เฮ้าส์ (The Doll House) ภายใต้ร้านขายสินค้าสุดเก๋ “คิว คอนเซ็ปต์ สโตร์-Q concept store” ภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน
 แม้จะถูกมองว่าเจ้า ตุ๊กตาบลายธ์เป็นตุ๊กตาของคนมีฐานะเพราะราคาเริ่มต้นตั้งแต่หลักพันยันแสน บาท และยิ่งในภาวะเศรษฐกิจขาลงอย่างนี้ แม่ค้าชมพู่ยังยืนยันว่า คนที่มีใจรักน้องบลายธ์อย่างเธอจะต้องสรรหามาเก็บไว้ ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นแรงบันดาลใจให้เธอเปิดร้าน เดอะ ดอลล์ เฮ้าส์ (The Doll House) เพื่อเอาใจบรรดานักสะสม

 
“เป็นที่รู้กันว่าชมชอบน้องบลายธ์เป็นการ ส่วนตัวมานานแล้ว จนรู้สึกว่าถ้าชมไม่ทำ แล้วใครจะทำ มันเหมือนถึงเวลาแล้ว คือชมให้ทั้งกายและใจกับน้องบลายธ์ไปเยอะมาก ถามว่าคาดหวังกับธุรกิจนี้ไหม ตัวชมเข้าใจว่าทุกวันนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดี จึงพยายามถี่ถ้วนและระมัดระวังให้มาก แต่ชมเชื่อว่าคนที่รักบลายธ์ยังมีค่ะ คือถ้าเชื่ออย่างนี้ เท่ากับว่าเรามั่นใจว่าธุรกิจบลายธ์จะต้องไปได้”

04166 002 ชมพู่ อารยา เปิด The Doll House ธุรกิจทุ่มเทใจกาย เพื่อน้องบลายธ์

The Doll House มีหุ้นส่วนอีก 2 หุ้น ซึ่งเป็นเพื่อนนอกวงการของชมพู่ โดยทุบกระปุกลงขันไป คนละ 7 หลัก โดยร้านจะเป็นตัวแทนจําหน่ายตุ๊กตาบลายธ์ในประเทศไทย ทั้งรุ่นลิมิเต็ด อิดิชั่น และอื่นๆ โดยนําของแท้ที่สั่งตรงมาจากต่างประเทศ พร้อมทั้งเครื่องประดับ อาทิ เสื้อผ้า วิก แว่นตา และเครื่องประดับเจ้าตัวน้อยมากมาย และที่สำคัญ ราคาไม่แพงกว่าท้องตลาด
 
สำหรับ เส้นทางการสั่งซื้อบลายธ์จากต่างประเทศสู่ร้าน The Doll House นั่น มี 2 ทาง ได้แก่ การสั่งซื้อทางเรือ และเจ้าของร้านบินไปซื้อด้วยตัวเอง โดยตุ๊กตาบลายธ์จะนำเข้ามาจากญี่ปุ่น ส่วนแอกเซสซอรี่จะมาจากหลายประเทศ
 ใครที่หลงรัก “ตุ๊กตาบลายธ์” ลองแวะไปชมสินค้าที่ร้าน เดอะ ดอลล์ เฮ้าส์ (The Doll House) ที่ คิว คอนเซ็ปต์ สโตร์-Q concept store ชั้น 3 ศูนย์การค้าสยามพารากอน ถ้าจังหวะดี อาจมีเจ้าของร้านคนสวย-คนดัง มาบริการทั้งให้ข้อมูลและแนะนำอย่างดีทีเดียว

-------------------------------------------------------------------------